สี่ปีผ่านไปกับการย้ายถิ่นจากเมืองกรุงมาอยู่หมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งย่านสันกำแพงสายใหม่
สภาพแวดล้อมในโครงการนั้นเงียบสงบตามวิถีชีวิตของผู้คนที่ต้องตื่นเช้าออกไปทำงานเย็นค่ำจึงได้เข้าบ้าน
วิถีชีวิตแบบนี้ทำให้ความสัมพันธ์และการรู้จักกันของคนในชุมชนมีลักษณะแบบคนในเมืองใหญ่ไม่ค่อยสนใจกันมากอาจรู้จักเพียงเพื่อนบ้านหลังติดกันเท่านั้น
เกือบทุกหมู่บ้านจัดสรรก็มีวิถีชีวิตของผู้คนในลักษณะนี้ แตกต่างกับชุมชนหรือหมู่บ้านในแบบดั้งเดิมที่ไม่ใช่โครงการจัดสรรในแบบทุกวันนี้
คนในชุมชนมีปฏิสัมพันธ์กันมีผู้ใหญ่บ้านหรือหัวหน้าชุมชน มีการกระจายข่าว จับกลุ่มพูดคุย
แลกเปลี่ยนสินค้า ช่วยเหลือดูแลกัน แต่ทุกอย่างนั้นถูกปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่เมือไม่นานมานี้หมู่บ้านจัดสรรที่ผมอยู่เปลี่ยนไปด้วยไลน์
หมู่บ้านจัดสรรที่ผมอยู่ได้เปิดกรุ๊ปไลน์สำหรับค้าขายมาได้ประมาณ
4 เดือน ปัจจุบันมีสมาชิกร่วมกรุ๊ปมากกว่าสี่ร้อยคนเปิดให้ค้าขายเฉพาะคนในหมู่บ้าน
เป็นตลาดค้าขายออนไลน์ทีคึกคักตลอดทั้งวัน เป็นเศรษฐกิจชุมชนใหม่ในโลกยุคดิจิตอล
เป็นหนึ่งในวิถีเศรษฐกิจพอเพียงโดยใช้โซเชียเน็ตเวิรค์ เริ่มต้นจากคนในหมู่บ้านเอาของมาขายเพียงไม่กี่คนโดยเริ่มจากของกินของใช้
ผู้คนในหมู่บ้านก็ช่วยกันอุดหนุน หลายคนเห็นมีคนเอาสินค้ามาขายก็เริ่มนึกสนุกหาสินค้าหรือทำของกินมาขายบ้างแม้ว่าจะทำงานประจำโดยไม่ได้หวังกำไรมากมาย
บางคนไปเที่ยวเจอของฝากน่าสนใจก็ถ่ายรูปมาลงถามใครสนใจบ้างฝากซื้อไหม ร้านกาแฟที่อาศัยบ้านเป็นที่ชงกาแฟแต่ใช้วิธีขี่มอเตอร์ไซค์ส่งตามบ้าน
แต่ก่อนรับออเดอร์โดยการโทรสั่งจากยอดขายวันละไม่กี่แก้วพอมาขายในกลุ่มไลน์ยอดขายก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวมีออเดอร์ตลอดแทบทั้งวันจนเริ่มทำไม่ทัน
แม่บ้านที่สามีออกไปทำงานแต่มีฝีมือด้านทำอาหารหลายครอบครัวเริ่มทำของกินขายมีตั้งแต่โจ๊กสำหรับมื้อเช้า
ขนมจีน ข้าวมันไก่ ผัดไทย อาหารตามสั่ง และ เมนูอีกสารพัดให้อิ่มท้องตลอดวัน หากยามเย็นอยากกินหมูกระทะก็มีเป็นชุดส่งถึงบ้านพร้อมเตาปิ้งย่างกินทีอิ่มสบายท้องทั้งครอบครัว
นอกจากนั้นยังมีบริการอีกสารพัดเช่น
หากใครมีปัญหาเรื่องรถก็มีช่างผู้ใจดีให้คำปรึกษาพร้อมบริการถึงบ้านหากวันนั้นคุณมีปัญหา
เภสัชกรให้คำแนะนำการใช้ยาและอาหารเสริมความรู้ใหม่ว่าโลกนี้มีแผ่นแปะคุมกำเนิดผมก็เห็นจากในนี้
สิ่งที่น่าประทับใจคือ ผู้ขายเป็นผู้ซื้อ ผู้ซื้อเป็นผู้ขาย เกิดการแลกเปลี่ยนกัน เกิดนิเวศเศรษฐกิจในชุมชน
เมื่อซื้อขายกันสั่งของกันก็รู้จักกัน ความสัมพันธ์ของคนในชุมชนก็ดีขึ้น เชื่อไหมละครับว่าเดือนก่อนมีขโมยขึ้นบ้านหลังหนึ่งคนในหมู่บ้านอาศัยไลน์ห้องค้าขายแห่งนี้ในการช่วยกันจับหัวขโมยได้แถมสมาชิกคนในกรุ๊ปยังเป็นตำรวจเลยช่วยกันจับได้โดยละม่อม
นี่คือประโยชน์ของเทคโนโลยีหากเอามาใช้ให้ถูกที่ สำหรับหมู่บ้านจัดสรรที่ผมอยู่ไลน์ได้เข้ามาเสริมสร้างรายได้
ไลน์ได้เสริมสร้างความสัมพันธ์ของคนในชุมชน ทำให้สัมผัสได้ว่ารอบตัวเรามีแต่คนน่ารักเป็นมิตรและพร้อมจะคอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันเพียงแค่เราหยิบมือถือขึ้นมา
ใครจะไปรู้ว่าอนาคตการซื้อที่อยู่อาศัยสักแห่งอาจไม่ได้ดูแค่เพียงสภาพแวดล้อมทางกายภาพแต่อาจต้องดูการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คของชุมชนมาพิจารณา
มนต์ชัย บุญยะวิภากุล
มนต์ชัย บุญยะวิภากุล
IN FOCUS : Better City Better Living for Better Life (บทความตีพิมพ์นิตยสาร Home Buyers Guide Chiangmai ฉบับเดือน กันยายน 2559)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น